ควินัว แนะนำเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับควินัว อาการเพื่อสุขภาพที่ทำได้ง่ายๆ
ควินัว (Quinoa) เป็นเมล็ดธัญพืชชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นเมล็ดกลมๆ คล้ายเมล็ดข้าว ที่อุดมไปด้วยสารอาหารหลากหลายชนิด นิยมนำมารับประทานแทนข้าวหรือใช้เป็นส่วนผสมใน เมนูอาหาร ต่างๆ ควินัวมีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกาใต้ ชาวอินคาในอดีตนิยมปลูกควินัวเป็นอาหารหลัก เพราะมีโปรตีนสูง และเป็นแหล่งสำคัญของกรดอะมิโนจำเป็น 9 ชนิด ที่อุดมไปด้วยสารอาหารอื่นๆ เช่น เส้นใยอาหาร วิตามิน B แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และแร่ธาตุอื่นๆ เมล็ดควินัว มี 3 สีหลักๆ คือ สีขาว สีดำ และสีแดง แต่ละสีมีรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการแตกต่างกันเล็กน้อย โดย ควินัวสีขาว มีรสชาติที่อ่อนกว่าควินัวสีดำและสีแดง ควินัวสีดำและสีแดงมีรสชาติที่เข้มข้นกว่า และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มากกว่าด้วย
ควินัว เมนู
ควินัวเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ดังนี้
- ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องนานขึ้น: ควินัวมีไฟเบอร์สูง จึงช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องนานขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดการบริโภคแคลอรีและช่วยลดน้ำหนักได้
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: ควินัวมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ: ควินัวมีใยอาหาร แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ซึ่งช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจ
- บำรุงสมอง: ควินัวมีกรดโฟลิก วิตามินบี และแร่ธาตุอื่นๆ ซึ่งช่วยบำรุงสมอง
โภชนาการของควินัว
ควินัวเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ ดังนี้
- โปรตีน: ควินัวมีโปรตีนสูงถึง 14 กรัมต่อถ้วย ซึ่งเป็นปริมาณที่เทียบเท่ากับเนื้อไก่ 1 ออนซ์
- ไฟเบอร์: ควินัวมีไฟเบอร์สูงถึง 5 กรัมต่อถ้วย ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารและป้องกันอาการท้องผูก
- คาร์โบไฮเดรต: ควินัวมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนสูง ซึ่งให้พลังงานแก่ร่างกายอย่างยั่งยืน
- วิตามินและเกลือแร่: ควินัวมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น วิตามินบี แมกนีเซียม และโพแทสเซียม
เคล็ดลับการทำควินัวง่ายๆ
- ควรล้างข้าวควินัวให้สะอาดก่อนหุง เพื่อขจัดสารเคลือบผิวออก ซึ่งอาจทำให้ข้าวควินัวมีรสขม
- ควรใช้ไฟแรงต้มข้าวควินัวจนเดือด จากนั้นลดไฟลงต่ำเพื่อไม่ให้ข้าวควินัวไหม้
- ควรปิดฝาหม้อขณะต้มข้าวควินัว เพื่อไม่ให้น้ำระเหยออกมากเกินไป
- ควรพักข้าวควินัวไว้สักครู่ก่อนนำมาปรุงอาหาร เพื่อไม่ให้ข้าวควินัวแตก