Toraware Haruto Episode 2 "ดวงตาที่สะท้อนหัวใจ"
หลังจากที่คุยกับเขาไปคราวที่แล้ว เราจะมานั้งคิดถึงสิ่งที่ฮารุโตะพูด ที่บอกว่า "มองไม่เห็นหัวใจของเรา" แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก สุดท้ายเลยตัดสินใจที่จะออกไปเดินรอบๆเกาะดีกว่า
ในอีพี 2 นี้จะมีแสดงที่ใหม่ขึ้นมา 1 แห่งนั่นก็คือ "ห้องสมุด"(図書館) นั่นเองค่า
พอเราไปที่ห้องสมุด เราก็จะเจอกับบรรณารักษ์หน้าหล่อคนนี้ค๊า
(จริงๆตอนแรกเรานึกว่าผู้ชาย เกือบจะกริ๊ดดีใจแล้ว แต่หันไปเห็นเนินอกเธอซะก่อน )
หลังจากที่เราไปทักทายเธอเสร็จ ก็จะได้หัวข้อไปคุยกับฮารุโตะ เขาบอกว่าหนังสือที่เขาเอามาอ่านในห้อง
ก็เป็นหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดนี้นี่เอง ยืมและคืนโดยใช้ระบบ SABOT เพราะงั้นเขาเลยไม่เคยเจอหน้าคุณบรรณารักษ์เลย (ระบบตัวนี้นี่มันสะดวกจริงๆ )
แม้จะดูเป็นระบบที่สะดวก ที่ดูเหมือนฮารุโตะจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เพราะเขาบอกว่าเลือกหนังสือเองก็ไม่ได้ กว่าหนังสือจะมาถึงก็ใช้เวลาอีก
อีพีนี้ที่ร้านขายของเราจะสามารถซื้อหนังสือ และอุปกรณ์อื่นๆได้อีกมากมายเช่นกัน
อย่าลืมซื้อไปให้หนุ่มกันนะคะ
(สำหรับเควสย่อยอื่นๆ เราจะเอาไปใส่ไว้ในนี้นะคะ จุดที่น่าสนใจEpisode2 )
วันหนึ่งเราก็ไปที่ร้านกาแฟอย่างเคย จู่ๆก็เจอตาลุงแปลกหน้าเข้ามาพูดด้วย คำแรกที่ทักฮีแกบอกมีเรื่องอยากจะถามหน่อย
ไอ้เราก็ไม่นึกว่าเขาจะคุยกับเราก็เลยไม่ได้สนใจ จนสุดท้ายเขาก็ถามอีกว่าได้ยินมั้ย เธอนั่นแหละ
เขาบอกว่าเห็นเราเดินมาจากทางห้องขัง แต่เราดูไม่เหมือนพนักงานที่ทำงานที่นั่ง เขาเลยถามว่าเราเป็นใคร
ลุงบอกว่าตอนนี้เขากำลังสำรวจเกี่ยวกับตึกนั่นอยู่ ถ้าหากเรารู้อะไรก็อยากให้บอกเขาหน่อย
- ก่อนอื่น คุณเป็นใครเหรอคะ?
- (ตอบไปตรงๆเลยดีกว่าไหมนะ)
- (ดูแล้วน่าสงสัย ไม่ตอบดีกว่า)
ลุงได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะ ในขณะที่กำลังจะแนะนำตัว......
มาสเตอร์ก็มาขัดจังหวะเสียได้ (โถ่ มาสเตอร์ )
ลุงบอกว่ามาได้จังหวะพอดีเลย หลังจากนั้นเขาก็ขอตัวออกจากร้านไป เสร็จแล้วจะได้หัวข้อ "เกี่ยวกับชายที่น่าสงสัย" ไว้คุยกับฮารุโตะค่ะ
พอเอาไปคุยกับเขา เขาก็บอกว่าน่าสงสัย พยายามอย่าเข้าไปยุ่งด้วยจะดีกว่านะ
- ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้
- อืม จะระวังนะ
- ถ้าถูกทักอีกทำไงดี?
เขาก็บอกว่าตอบไปว่า "ไม่รู้อะไรเลย" เป็นไง เพราะเราก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครอยู่ดี
แล้วเขาก็บอกว่ามีเรื่องอยากคุยด้วย ช่วยยื่นขอเข้าพบมาหน่อยได้ไหม? ฝากด้วยนะ
(ได้สิค๊า เรื่องแบบนี้หญิงช๊อบบบบบบ )
พอเราเข้าห้องมา เขาก็บอกว่าดีใจที่เห็นเรามา รู้สึกเหมือนไม่ได้เจอหน้ากันนาน
ทั้งๆที่มันก็ไม่น่าจะนานขนาดนั้น รู้สึกว่าช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกันมันช่างยาวนาน (อุหิ )
- คำพูดหน้าอายแบบนั้น พอถูกพูดตรงๆแล้วก็....
- นั้นคือความรักสินะ
- ฉันเองได้เห็นหน้าของฮารุโตะก็ดีใจ
ถูกทักแบบนั้น นางก็ตกใจแก้มแดงเลยจ้าาาาาาาาาาาา (กริ๊สสสสสส น่าร๊ากกกกก )
(โอ้ย เจ็จิเป็นลม) แล้วจู่ๆนางก็ถอนหายใจออกมา ทำมาบ่นว่าแหย่นางอีกละ
ทั้งๆที่นางบอกกับเราอย่างจริงจังว่า ดีใจที่ได้เจอเราแท้ๆ แล้วนางก็มานั่งจ้องเรา
จนสุดท้ายก็บอกมาว่า "มองไม่เห็นจริงๆสินะ" แล้วเขาก็ถามว่าหลังจากที่โดนลุงแปลกๆเข้ามาทัก
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม
- ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรก็เกิดเลย
- หลังจากที่โดนทักวันนั้นก็ไม่เจออีกเลย
- ตอนนี้ไม่มีอะไร...ถึงแม้ว่าจะรู้สึกถึงกลิ่นอายแปลกๆก็เถอะ
ฮารุโตะก็บอก ถ้าออกจากที่นี่ไปอยู่กับเราได้ สงสัยจะปล่อยให้ละสายตาไม่ได้เลยสักวัน
เขาก็เลยเตือนเราว่าอย่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องอันตรายล่ะ ถ้าเป็นเราเนี่ยน่าจะเป็นไปได้
เพราะเรามองไม่เห็นว่าอีกฝ่ายมีเจตนาดีหรือร้าย เพราะงั้นก็ระวังตัวล่ะ เราได้ยินแบบนั้นก็งงๆ
เขาก็เลยถามเราใหม่ว่า ถ้าเราคิดว่าเขาน่าสงสัย เราจะรู้สึกจากอะไร
- ก็น่าจะ...บรรยากาศ?
- เนื้อหาที่พูด หรือโทนเสียง
- สีหน้าหรือท่าทาง ละมั้ง
เขาบอกพวกบรรยากาศนี้เขาไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไหร่ แจ่ถ้าเป็นเรื่องนั้นเขาว่าผู้หญิงจะหลักแหลมกว่า เราเองก็เป็นแบบนั้นรึเปล่านะ?
แต่สิ่งที่เขา "มองเห็น" ไม่ใช่แบบนั้น เข้าใจสิ่งที่เขาพูดรึยัง?
ที่บอกว่า "ทำไมถึงมองไม่เห็นจิตใจของเธอกันนะ..." เราก็เลยถามว่าฮารุโตะมองเห็นจิตใจคนอื่นจริงๆเหรอ
เขาก็บอกว่ามองเห็นสิ จริงๆแล้วมันคือการ "มองเห็น" ถึงสีของจิตใจ ไม่ได้หมายความว่า "อ่าน" จิตใจออก
ที่ว่าจะเข้าใจในสิ่งที่เห็นอย่างถูกต้องไหมนั่นก็เป็นอีกเรื่อง แต่เพราะงั้นการที่เขามองไม่เห็นเราถือเป็นเรื่องที่แปลกมาก เข้าใจรึยัง?
- ตกใจ....
- ดูเหมือนจะเข้าใจแล้วล่ะ
- มันคือการมองคนอื่นจากมุมมองของตนเองใช่ไหม?
เขาก็ชมว่าเรานี้เข้าใจง่ายดีนะ เขาก็เคยคิดว่าอยากเห็นโลกที่ไม่เคยเห็น แต่พอจู่ๆวันนึงได้เห็นขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะทำไงดี
ราก็เลยถามว่าเวลาเขาเห็น เห็นแบบไหน เขาก็บอกว่าจะมี "สี" กับ "เสียง" แต่ "สี" จะเข้าใจได้ง่ายสุด
เราก็ถามอย่างถ้ารู้สึกสนุกก็จะเป็นสีเหลืองอะไรทำนองนี้งั้นเหรอ? เขาก็บอกก็ประมาณนั้น
แต่ก็ทำได้แค่มองเห็น กับได้ยินเฉยๆ ไม่ได้ถึงขั้นอ่านใจได้ ถึงจะอย่างนั้นสีที่เขามองเห็นเนี่ย มันก็เป็นการทำความเข้าใจของเขาเอง จริงๆแล้วจะเป็นยังไงเขาก็ไม่รู้
เขาก็บอกว่าขอโทษที่อธิบายไม่ค่อยเก่ง เข้าไปใกล้เธออีกนิดได้ไหม?
ไม่ได้พูดอย่างเดียว นางทำด้วยค่าาา แต่นางก็บอก อยู่ใกล้ขนาดนี้แท้ๆแต่มองไม่เห็น ทำไมกันนะ
เราก็ไม่รู้จะทำยังไงดี สุดท้ายก็มีเทพบุตรเข้ามาช่วย เสียงเคาะของผู้คุมนั่นเองค่ะ
พอผู้คุมบอกหมดเวลาแล้ว จู่ๆฮารุโตะก็ทักขึ้นมาว่า "อ๊ะ" นางผู้คุมจัดเลยค่ะว่า "ไม่ได้ยินเหรอว่าหมดเวลาเข้าพบแล้ว?"
(ทำไมต้องโหดมันคนหล่อด้วยละยะ )
แต่ถึงแม้จะมาล่อลวง 120 เยนของหญิง หญิงไม่ยอมหรอกค่ะ หญิงทนได้
เขาบอกว่าวันนี้เวลาหมดแล้ว ถ้ามีเรื่องจะคุยอีก ไว้มาพรุ่งนี้นะครัช
หลังจากที่คุยกับฮารุโตะเสร็จ ให้ไปดูนางผ่านกล้องวงจรปิด
น่าจะมีบ่นพึมพัมว่าเราจะเป็นอะไรไหมนะ ยิ่งเป็นพวกที่น่าจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องอันตรายอยู่ด้วย
แล้วเราจะได้หัวข้อเอาไปถามนาง อย่าลืมเอาไปคุยกับนางนะคะ
นอกจากนี้ตอนกลางคืนเวลานางเข้าไปอาบน้ำ เหมือนจะตกใจอะไร ตรงนี้ก็อย่าลืมเฝ้าดูด้วย จะได้หัวข้อไปคุยกับนางเช่นกัน
ไม่กี่วันผ่านมา พอเราไปที่ห้องสมุด เราก็บังเอิญไปเห็นอะไบางอย่างตกอยู่ระหว่างชั้นหนังสือ
พอหยิบขึ้นมาดูก็เป็นสมุดบันทึกแบบพกติดตัว ข้างในสมุดยังมีรูปถูกเสียบไว้อยู่ด้วย
อาจจะรู้สึกเสียมารยาทไปหน่อยแต่เราก็เปิดสมุดมาดูรูปนั้น ภาพผู้หญิงที่เห็นในรูปหน้าเหมือนฮารุโตะมากแต่เป็นผู้หญิง
ในสมุดพกยังมีคำว่า "เบียทริเซ่"(ベアトリーチェ) ถูกเขียนและวงตัวใหญ่เอาไว้ด้วย
ยังไม่ทันที่จะได้อ่านต่อไป จู่ๆก็มีเสียงจากข้างหลังว่า "พอแค่นั้นล่ะ"
พอหันกลับไปก็เจอลุงน่าสงสัยคนเดิมยืนอยู่ตรงนั้น จริงๆแล้วสมุดบันทึกนี้ก็เป็นของลุงนี่เอง
เห็นเราตกใจ ลุงก็บอกไม่ต้องตกใจไป เขาเป็นนักข่าวฟรีแลนซ์
เขามีเหตุผลอะไรบางอย่างเขาเลยมาตามหาเรื่องเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้นบนเกาะนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
คุณนักข่าวเลยถามเราว่า รู้จัด "คิซารากิ ฮารุโตะ" ไหม? พอเห็นเราทำหน้าตกใจเขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเรารู้จักฮารุโตะ
เขาลุงบอกเขาไม่ถามอะไรหรอก ในทางกลับกันถ้าเราอยากรู้อะไรก็ติดต่อมาหาเขาละกัน
แต่เขาไม่บอกฟรีนะ เขาจะขอแลกกับข้อมูลที่เรารู้ แล้วก็ขอบคุณเราเรื่องที่เก็บสมุดบันทึกได้
(ชอบ BGM ประกอบเกมนี้มาก ฟังแล้วรู้สึกอินนน)
หลังจากที่ลุงจากไป เขาได้ทำรูปหล่นเอาไว้ เราก็เลยเก็บมาด้วย
จบตรงนี้เราจะได้หัวข้อ "นักข่าวที่กำลังสืบเรื่องของฮารุโตะ" เอาไว้ไปคุยกับนางค่ะ
พอเราเมสเสจไปบอกนาง นางก้ถามใหญ่ว่าไปได้ยินมาจากไหน หรือว่าโดนผู้ชายคนนั้นทักอีกแล้วเหรอ
- อื้อ เขาเข้ามาทัก
- ไม่เป็นไร แค่คุยกันนิดหน่อย
ฮารุโตะก็ถามว่านักข่าวคนนั้นพูดอะไรบ้าง
- ได้ยินเรื่องของ "ฮารุโตะ" มา
- รู้จัก "เบียทริเซ่" ไหม?
เขาก็บอกเขาเองก็ไม่รู้จักเหมือนกัน เราเลยเลือกตอบว่าอาจจะเกี่ยวข้อกับฮารุโตะก็ได้
เขาก็ถามอีกว่าหมายความว่ายังไง นักข่าวพูดอะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง เราก็เลยเลือกข้อที่บอกว่า ดูเหมือว่าคุณลุงนักข่าวจะตามหาฮารุโตะอยู่ ฮารุโตะเลยบอกว่านักข่าวกำลังสืบอะไรอยู่นะ
ไว้เอาเรื่องนี้มาคุยตอนที่เขาพบละกัน
เมื่อเราเดินเข้าไปในห้อง ฮารุโตะก็ทำท่าเหมือนปวดหัว พอเราทักเขาก็บอกไม่เป็นไร เขาบอกว่าเขาแค่คิดเรื่อง "เบียทริเซ่" เฉยๆ
- อย่าฝืนนะ
- พักสักหน่อยน่าจะดีกว่านะ
- สมองอาจจะส่งเสียร้องขอความช่วยเหลืออยู่ก็ได้
เขาบอกว่าพอได้ยินคำว่าเบียทริเซ่ ก็รู้สึกเหมือนในหัวมีอะไรบางอย่างที่คาใจอยู่ ก็เลยถามต่อว่านักข่าวคนนั้นพูดอะไรอย่างอื่นอีกไหม? เราก็บอกเปล่านะ
เราก็คุยกันว่าเบียทริเซ่เนี่ยเป็นชื่อคนรึเปล่านะ แล้วฮารุโตะก็ทำท่าคิดไป
- คนร้ายที่ขโมยความทรงจำไปรึเปล่า?
- หรือว่าจะเป็นคนรัก?
เขาก็บอกว่าเหมือในละครเลย (หญิงดูละครเยอะครัช)
เราก็ถามเขาว่าเคยดูละครเปล่า เขาก็บอกว่าไม่เคย อย่างน้อยๆความทรงจำในตอนนี้ก็ไม่เคยมี
แล้วเราก็คุยกันว่าุ้าไม่ใช่ชื่อคนก็อาจจะเป็นสัตว์เลี้ยง? ไม่ก็บริษัท หรือสินค้า แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก
- จะลองติดต่อนักข่าวคนนั้นดู
- ร่าเริงเข้าไว้สิ? ฮารุโตะ
เขาก็บอกขอบคุณ ถ้าเขาออกไปข้างนอกได้ก็คงได้ไปถามกับนักข่าวคนนั้นแล้ว แต่ตอนนี้การที่เขาจะออกไปจากตรงนี้ได้นั้นมันยากมาก เพราะงั้นคงมีแต่ให้นักข่าวคนนั้นมาหาเขาที่นี้เท่านั้น
เขาเลยบอกกับเราว่าถ้าเจอนักข่าวคนนั้นอีก ช่วยบอกเขาทีว่าฮารุโตะอยากคุยด้วย ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะลองดู
ถ้านักข่าวคนนั้นรู้อะไรเกี่ยวกับอดีตของฮารุโตะ เขาเองก็อยากจะลองพิสูจน์ดู
ที่ผ่านมาเขาแค่ปิดหูปิดตาเท่านั้น รบกวนเราเรื่องนี้ได้ไหม?
- เห็นนายพึ่งฉัน ก็ดีใจ
- ถ้าได้คุยแล้วจะติดต่อมานะ
- สบายใจหายห่วง ไว้ใจได้เลย!
เขาบอกขอโทษที่ให้ไหว้วานให้ทำเรื่องแบบนี้ แต่ก็ขอบคุณจริงๆนะ
เราก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจะลองติดต่อไปหานักข่าวคนนั้นดู ฮารุโตะเลยบอกว่าถ้าอันตรายเกินไปก็ไม่ต้องนะ
หลังจากนั้นเค้าก็เหมือนจะนึกอะไรออก แล้ววาดมือให้เราดู เราก็ถามว่ามันคืออะไร เขาบอกเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน จู่ๆมันก็เขามาในหัว
ที่เขาวาดมาเป็นคล้ายๆกับอักษรตัว "N" กลับด้าน หรือจะให้เหมือนก็คือตัว "อี(И)" ของภาษารัสเซียนั่นเอง
หลังจากนั้นเขาก็จะให้เราลองวาดตามเขาค่ะ
หลังจากนั้นคุณผู้คุมก็มาเคาะบอกเวลา ก่อนจะลากันเขาก็บอกว่า ฝากเรื่องเมื่อกี้ด้วยนะ
แล้วก็เขาจะรอการติดต่อจากเรานะ
ในคืนนั้นเราก็ลองติดต่อไปตามเบอร์ที่นักข่าวเคยให้มา แต่ไม่ว่าจะโทรไปนานแค่ไหนเขาก็ไม่รับสาย เราก็เลยสินใจว่าค่อยติดต่อไปใหม่
ผ่านไปหลายวัน จนวันหนึ่งจะมีเครื่องหมาย "" ขึ้นที่สวนเกษตร กดเข้าไปเลยค่า อย่ารีรอ
พอกดเขาไปก็จะเจอเราพึมพัมว่าติดต่อคุณนักข่าวไม่ได้เลย หรือว่าเบอร์ที่ให้มาผิดกันแน่นะ?
แล้วคุรป้าที่สวนก็ทักทายเราขึ้นมา ป้าบอกช่วงนี้เจอคนแปลกๆมาถามเรื่องของศูนย์อพยพอยู่บ่อยๆ แต่ป้าบอกว่า ป้าไม่เข้าใจในเรื่องที่คนคนนั้นพูดเลย
- เพราะว่าไว้หนวดแล้วก็ยิ้มแบบมีเลศนัยก็เลยเป็นคนน่าสงสัยงั้นเหรอคะ?
- น่ากลัวจังนะคะ....
- คนคนนั้นก็มาทักหนูเหมือนกันค่ะ
ป้าก็เลยบอกว่า เราก็เจอเขาแล้วเหมือนกันเหรอ? ป้าบอกคนคนนั้นบอกด้วยว่าเขาเป็นนักข่าว
เราก็เลยถามว่าเห็นเขาล่าสุดเมื่อไหร่ แต่ป้าบอกป้าจำไม่ได้แหล่ว เหมือนจะผ่านมาสักพักแล้วนะ แถมป้าแกเองก็แจ้งไปยังศูนย์แล้วด้วยว่ามีคนน่าสงสัย
เราก็เลยคิดว่าอาจจะเกี่ยวข้องอะไรกันกับการที่เขาไม่รับโทรศัพท์ ก็เลยเอาเรื่องนี้ไปคุยกับฮารุโตะ
เขาก็บอกว่าสงสัยอาจจะโดนจับไปแล้ว เขาก็เลยบอกงั้นเรามาปรึกษากันอีกรอบดีกว่า (หรือหมายถึงไปยื่นคำขอเข้าพบมาซะ)
พอมาถึงเขาก็บอกว่าดีใจจังที่ได้เห็นหน้าเรา (อร๊ายยยย พูดงี้หญิงเขิน )
เขาก็บอกขอบคุณที่สละเวลามานะ ส่วนนักข่าวที่คุยกับตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหนใช่ไหม
เราก็บอกอื้ม ไม่รู้ว่าไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนรึเปล่า
- หรืออาจจะไม่ได้เจอเลยงั้นเหรอ...
- ทั้งๆที่ดูเหมือนเขาจะรู้อะไรแท้ๆ
- เป็นห่วงคุณนักข่าวจัง...
ฮารุโตะก็บอกถ้านักข่าวคนนั้นหนีไปหรือถูกจับ ไอ้การจะถามอะไรก็คงจะยากขึ้น
เราก็ถามว่าทำไม? เขาก็บอกเพราะเขาไม่อยู่ที่เกาะนี้แล้วยังไงล่ะ
ถ้าหนีออกไปจากนี้แล้วทางนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ บางทีนักข่าวคนนั้นอาจจะรู้อะไรก็ได้
เพราะดูเหมือนนักข่าวเขาก็เขามาที่เกาะนี้โดยพลการเช่นกัน เพราะระบบรักษาความปลอดภัยของเกาะก็ไม่ได้แน่นหนาขนาดนั้น
แต่ปกติแล้วที่เกาะก็จะมีการตรวจเช็คคนที่เขาออกอย่างเข้มงวด ดังนั้นคนปกติจะเข้ามาที่นี่ไม่ได้ง่ายๆ
เขาบอกอีกว่าตอนนี้ถ้าไม่ถลำลึกไปกว่านี้ก็อาจจะดีก็ได้
- ถ้างั้นจะลองหาเบาะแสทางอื่นดู
- ตอนนี้แล้วจะถอยกลับไม่ได้หรอก
- ทั้งๆที่คิดว่าเจอเบาะแสแล้วแท้ๆ...
ฮารุโตะเลยถามว่าเราจะไปที่เรือนกระจกนั้นอีกเหรอ เขาบอกว่าเขาเป็นห่วงเราแต่ก็อดทิ้งเบาะแสที่หาเจอไม่ได้ ยิ่งหาเจอยิ่งอยากรู้
เขาบอกว่าแบบนี้จะดีแล้วจริงๆเหรอ ไม่น่าลากเราให้เข้ามาพัวพันด้วยเลย เราก็ถามเขาว่าทำไมพูดแบบนั้น
- ไม่อยากได้ความทรงจำคืนมาหรอกเหรอ?
- ฉันไม่เป็นไรหรอกนะ?
เขาก็บอกว่ากะแล้วว่าเราต้องพูดแบบนี้ เขาไม่โอเคหรอกนะ เราอาจจะอยากช่วยคนหรือเป็นคนแบบมีความยุติธรรม
แต่คนที่พยายามเต็มที่เพื่อเอาความทรงจำของเขาคืนมา ก็มีแค่เราเท่านั้น แต่แบบนั้นก็อาจจะดึงเราเข้าไปยุ่งกับเรื่องอันตรายก็ได้
เขาเคยมองเราว่าเป็นแค่ที่ปรึกษาเฉยๆ แต่พอเราคุยกับเขาทุกเรื่องไม่ว่าจะเรื่องขำๆหรือจริงจัง เขาไม่สามารถมองเราในฐานะที่เป็นแค่ปรึกษาได้อีก
จริงๆคือฮารุโตะเขาเป็นห่วงเรา กลัวเราจะเข้าไปพัวพันกับเรื่องที่อันตรายกว่านี้ ถ้าเราไม่ใช่ที่ปรึกษาของเขา เราอาาจะไม่ได้คิดแบบที่เป็นอยู่ก็ได้
เขาเริ่มที่จะคิดแล้วว่าจะปลดเราออกจากเป็นที่ปรึกษาของเขาน่าจะดีกว่า
- ฉันคิดว่าไม่น่าจะเจอที่ปรึกษาที่เขาสะดวกแล้วนะ
- การที่จะปลดฉันออกจากที่ปรึกษาคิดว่าเป็นไม่ได้นะ
- สำหรับฮารุโตะแล้วแบบนั้นจะดีเหรอ?
เขาบอกว่าไม่ใช่ปัญหาว่าดีหรือไม่ดี แต่เราคิดที่จะอยู่บนเกาะนี้ตลอดไปจนกว่าความทรงจำของเขาจะกลับมางั้นเหรอ?
ไม่รู้เลยว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่แท้ๆ เราก็บอกว่านี่ก็หาเบาะแสเจอทีละเล็กละน้อยแล้วไง
ฮารุโตะก็บอก ถึงสมองจะเข้าใจ แต่ความรู้สึกไม่ทำตาม (อุ้ย )
แล้วเขาก็เงียบไปและเหมือนจะหงุดหงิดด้วย
เราก็ถามเขาว่าหงุดหงิดเหรอ เขาก็บอกว่าเปล่า (แหม....คิ้วจะติดกันเป็นะพานแล้วยังจะปฏิเสธอีก )
เขาก็บอกว่ายิ่งสนิทกัน ก็ยิ่งลำบากใจตอนลาจาก ถ้าให้ความสำคัญแล้ว ก็จะกลัวที่จะสูญเสีย
ขณะที่กำลังซึ้ง เสียงมารผจญก็เคาะประตูใหญ่เลย
ก่อนจากกันเขาบอกว่า ก็ยังสรุปไม่ได้ว่านักข่าวออกจากเกาะไปรึยัง รอดูท่าทีก่อนละกัน
หลังจากที่คุยกับฮารุโตะไป วันหนึ่งจู่ๆเราก็ได้รับโทรศัพท์จากคุณผู้คุม พอรับปุ๊ปคาริยะซังก็ถามว่าตอนเช้าเราว่างไหมอยากให้มาที่ล็อบบี้หน่อย เดี๋ยวรายละเอียดจะอธิบายให้ฟังทีหลัง
เช้าวันถัดมาพอเราไปถึงที่ล็อบบี้ คาริยะซังก็เชิญเราไปอีกห้องหนึ่ง ระหว่างทางเขาก็อธิบายว่า
พอดีเมื่อวันก่อนได้รับข้อมูลว่ามีชายแปลกๆมาวนเวียนอยู่รอบๆศูนย์นี้ เราที่ได้ยินดังนั้นก็นึกออก
คาริยะซังเลยบอกว่ารู้จักจริงๆด้วยสินะ คาริยะซังบอกว่าตอนนี้เขาพบตัวชายคนนั้นแล้ว กำลังถามข้อมูลอยู่
แล้วเขาก็เลยเอารูปชายคนนั้นให้เราดูแล้วถามเราอีกครั้งว่ารู้จักชายคนนี้ไหม?
เราเห็นรูปก็ร้องอ๋อ คาริยะซังเลยบอกว่าจากมือถือของชายคนนี้ที่ยึกมาพบประวัติว่ามีเบอร์ของเราโทรเข้า แล้วในระหว่างที่กำลังสืบสวน ชายคนนั้นก็บอกว่าจะไม่พูดอะไรจนกว่าจะพาเรามา
คาริยะซังเขาบอกว่า เขาไม่คิดว่าเรามีแผนอะไรลับหลังกับชายคนนี้หรอก แต่ว่าก็อยากให้เราลองพบและคุยกับชายคนนี้ดูสักครั้งได้ไหม
เราก็คิดว่านี่อาจจะเป็นโอกาสที่ได้ถามเรื่องของฮารุโตะก็เลยตอบรับไปทันที
พอเข้าไปในห้องที่ลุงนักข่าวอยู่ ลุงแกก็ทักขึ้นมาอย่างร่าเริงว่าบิงโก (โกเกออะไรคะลุงงงง)
ลุงบอกเคลื่อนไหวแบบสะดุดตามากไปหน่อยก็เลยถูกจับตัวซะได้ ลุงเลยถามว่าเราติดต่อเขาไปหาลุงสินะ ขนะที่เรากำลังจะเอ่ยปากถามเรื่องที่ว่าทำไมถึงรู้จักฮารุโตะ
ลุงก็ยกมือห้ามบอกเดี๋ยวก่อน ขอเข้าเรื่องเลย
ลุงถามว่าเราใช่ไหมที่เป็นคนเก็บรูปนั้นไว้ ถามเราแบบนี้เราก็งงสิครัช รูปอะไรหว่า
ลุงก็เลยอธิบายเพิ่มว่ารูปที่สอดอยู่ในสมุดบันทึกไง เราก็เลยอ๋อและหยิบรูปนั้นให้ดู
ลุงก็บอกใช่ๆ แต่เขาก็เก็บรูปนี้ได้บนเกาะนี้เช่นกัน พอเราถามว่าเก็บได้ทีไหน
ลุงก็บอกว่า บอกบ่ได๋จ้า (น่าตรบมาก ) เพราะว่าอาจจะมีคนดักฟังบทสนทนานี้อยู่ก็ได้
ลุงก็เลยบอกงั้นยกรูปนี้ให้เรา เพราะลุงคิดว่าเราน่าจะกำลังสืบเรื่อง "คิซารากิ ฮารุโตะ" อยู่ และเรียกเราว่า คุณที่ปรึกษา
ลุงบอกว่า เขาไม่รู้หรอกนะว่าเราใช้วิธีไหนถึงได้มาเป็นที่ปรึกษา แต่อย่าเชื่อใจคนที่อยู่ที่นี่จะดีกว่า
โดยเฉพาะไอ้ผู้คุม(คาริยะซัง)นั่น
พอเราถามกลับว่าทำไม ลุงก็บอกแค่ว่าลองสืบเรื่องรูปนั่นดูละกัน
สืบแล้วก็น่าจะรู้อะไรที่เกี่ยวกับคดีที่ฮารุโตะก่อขึ้นก็ได้ เราก็เลยถามว่าทำไมถึงมาบอกกับเราละ?
ลุงเลยบอกว่าถ้าเรากลับไปที่แผ่นดินใหญ่แล้ว อยากให้บอกข้อมูลของที่นี่ให้แกรู้หน่อย แน่นอนว่าแกจะซื้อข้อมูลต่อให้ราคางามเลย
ในจังหวะนั้นเองคุณผู้คุมก็มาเคาะประตูขัดจังหวะพอดี (คุณผู้คุมนี้น่าจะโดนสาปแช่งเยอะ ขัดเขาไปทั่ว)
ก่อนที่เราจะแยกกับคุณลุงนักข่าว เราขอถามคำถามสุกท้ายกับเขาว่า พอจะรู้เรื่องตัวอักษร "И" ไหม?
ลุงฟังก็งง คาริยะซังก็งงกันไปทั้งคู่ แต่ลุงก็บอกนึกอะไรไม่ออกเลย เสร็จแล้วคาริยะซังก็เชิญเราออกจากห้องไป
แล้วถามเราว่าถูกเขาพูดอะไรแปลกๆใส่ไหม? เราก็บอกไม่เป็นไรสบายมาก
คาริยะซังบอกว่าดูเหมือนว่าเขากำลังสืบเรื่อง คิซารากิอยู่ จากนั้นคาริยะซังเลยบอกว่า
ต่อไปถึงมีคนอื่นมาถามเรื่องฮารุโตะแบบนี้อีก ให้บอกแกด้วย หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกัน
คืนนั้นเราก็คิดถึงเรื่องที่คุณนักข่าวบอกว่าเก็บรูปได้จากในเกาะ เราสงสัยว่าเขาเก็บได้จากที่ไหนกันนะ?
พื้นหลังในรุปทำให้เรานึกไปถึงเรือนกระจกที่เคยเจอ ก็เลยตัดสินใจว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะลองไปอีกที
วันถัดมาเราเดินกลับเข้าไปทางป่าที่เคยไป ระหว่างทางก็เจอกับป้ายที่เขียนว่า "คนที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้า"
และแล้วเราก็มาถึงเรื่อนกระจกนี่จนได้ พอมาถึงเรารู้สึกว่าที่นี้เงียบสงบมาก
- กลัวจัง....
- เหมือนมีแค่ที่นี่เท่านั้นที่เวลาหยุดลง
- รู้เหมือนซากปรักหักพังเลย
หลังจากที่เราคิดจะสำรวจที่นี้ เราก็พบว่าประตูของห้องวิจัยที่เคยปิด ตอนนี้ได้ถูกเปิดออกเรียบร้อยแล้ว
เราก็เลยลองเข้าไปข้างในดู พอเข้าไปก็พบว่าห้องนี้คือห้องเดี่ยวกันกับที่รูปนี้ถูกถ่ายขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ก็เลยถ่ายรูปไปให้ฮารุโตะดู
เขาเลยถามเราว่าเจอกับนักข่าวแล้วเหรอ เราก็เลยเล่าเรื่องราวให้เขาฟังรวมถึงเรื่องของรูปนี้ด้วย
หลังจากนั้นเขาเลยบอกว่า เราที่คุยเรื่องนี้กันดีกว่า
หลังจากที่เราเข้าห้องมาเพื่อพบกับฮารุโตะคุง เขาก็บอกว่าขอบคุณที่ติดต่อมานะ
เราก็เล่าให้เขาฟังว่าก่อนหน้านี้ถูกเรียกไป แล้วก็ถามเรื่องตัวอักษให้แล้ว แต่ดูเหมือนนักข่าวจะไม่รู้เช่นกัน
ฮารุโตะบอกว่าเขาเองเอาแต่พึ่งเราฝ่ายเดียว จริงๆเขาเองก็ลองไปถามแล้วว่า เขาจะคุยกับนักข่าวได้ไหม แน่นอนว่าไม่ได้รับการอนุญาต ถ้าได้คุยกับนักข่าวจะเกิดเรื่องอะไรรึเปล่านะ
สักพักเขาก็เปลี่ยนเรื่องถามเราว่าไปที่เรือนกระจกนั่นมาอีกแล้วเหรอ
- ขอโทษนะ เป็นห่วงใช่ไหม?
- ว่าจะไปสืบเกี่ยวกับรูปน่ะ
- ถ้าไปที่นั่นแล้ว ก็อาจจะรู้อะไรก็ได้
เขาก็ขอบคุณเราอีกครั้ง เพราะเราเขาเลยได้เบาะแสใหม่เพิ่มขึ้นมา แต่เขาก็บอกว่าอย่าฝืนนะ
ตัวเขาเองก็สงสัยว่ารูปนั่นกับเขาเกี่ยวข้องอะไรกันนะ?
- สองคนที่อยู่รูปในรูป จำไม่ได้ใช่ไหม?
- สถานที่ในรูปจำไม่ได้ใช่ไหม?
เขาก็บอกว่าเขาไม่มั่นใจ แต่เขาไม่เคยเห็นสองคนนี้เลย
ดูเหมือนรูปนี้จะเก่าแล้ว บางทีลูกลักษณ์ภานอกอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้
(ตรงนี้จะมีคำถามเดิมขึ้นมาอีกรอบ ให้เลือกข้อที่เป็นสถานที่นะค่า)
เขาบอกเขาเองก็ไม่รู้นะว่ารุปนี้ถูกถ่ายขึ้นเมื่อไหร่ แต่เข้าไม่รู้จักสถานที่นี้เลย
แถมสถานที่นั้นยังเป็นที่รกร้าง น่าจะไม่ได้ใช้มานานแล้วก็ได้ แล้วจู่ๆฮารุโตะก็เงียบไปจเราถามขึ้นอีกครั้ง
เขาก็บอกว่าตั้งแต่มาที่นี้น่าจะเลย 1 ปีแล้ว ตอนแรกที่มาเขาก็กังวลใจ และไม่เชื่อในอะไรทั้งสิ้น
แต่พอเวลาผ่านไป ก็เหมือนกับจะยอมแพ้... ก็คือยอมรับสภาพความเป็นอยู่ตอนนี้ไป
พอเป็นแบบนั้น ก็กลัวการที่จะกลับไปเป็นตัวเองคนเก่า
ตัวของเขาในตอนนี้อาจจะไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขาก็ได้ ถ้านึกออกเขารู้สึกว่าทั้งตัวตนในตอนนี้และทุกอย่างจะหายไป
ตัวตนที่แท้จริงของเขาอาจจะทำให้เราเจ็บปวดก็ได้
(ตรงนี้ถ้าเราไม่เคาะกระจกเขาจะหันมาถามเราว่าเราโกรธเหรอ?)
เราก็บอกเราไม่ได้โกรธแต่การที่จะมากังวลอยู่ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
เขาก็บอกว่าเขาก็รู้ว่าถึงคิดไปก็ไม่ได้อะไร แต่เขาก็กลัว กลัวว่าถ้าความทรงจำกลับมาแล้ว จะเป็นตัวของเขาเองได้อยู่ไหม
เพราะงั้นเขาก็เลยลังเล ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี
- จะต้องยอมรับได้แน่ ตามธรรมชาติ
- ฉันอยากจะเชื่อใจฮารุโตะที่อยู่ตรงนี้
- ถึงจะอย่างนั้นแต่ก็ต้องก้าวไปข้างเท่านั้น
พอได้ยินแบบนั้นเขาก็ถามเรากลับว่าควรจะทำหน้ายังไงดี เพราะเขาไม่เคยถูกพูดแบบนั้น
เขาคิดมาตลอดว่าคนที่จำเป็นก็คือตัวตนของเขาก่อนที่ความทรงจำจะหายไป ไม่ใช่เขาในตอนนี้
แล้วเขาก็ขอบคุณเรา ในใจของเรากลับรู้สึกไปว่า เหมือนเขาจะจากไปที่ไหนสักแห่ง
เราก็เลยเรียกชื่อฮารุโตะ แล้วเขาก็ขานรับ เราเลยบอกว่า อย่าหายไปไหนนะ (ฮือออ )
เขาก็บอกว่า เข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วง เขาอยู่ตรงนี้.....
"หัวใจที่เต้นรัวจนน่าอึดอัดนี้"
"เธอเป็นคนสอนให้รู้"
จบแล้วสำหรับอีพี 2 ค่าาาาาาาาาาาา เริ่มที่จะหาเบาะแสเกี่ยวกับหนุ่มมากขึ้น
ตอนแรกนี้บอกเลยว่าตื่นเต้นมว๊าก
ของ BGM ประกอบเกมนี้จริงๆ เพราะทุกเพลง โดยเฉพาะเพลงช้า
เสียเปียนโนเพราะจนน้ำตาจะไหล ฮืออ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า "การลืมตาตื่นสีคราม" ค่า
Bye Bye