15 กรกฎาคม 2553 – Product/ Partner/ Place จัดเป็น 3 ปัจจัยหลักเบื้องหลังความสำเร็จของ Starbucks ตลอดระยะเวลา 12 ปี ตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์ด้วยยอดขายกว่า 1 ล้านแก้วต่อเดือน ตั้งเป้าโตต่อเนื่อง 8% ปีนี้ พร้อมดัน “Green Store” ให้เกิดภายใน 5 ปี

มร. เมอร์เรย์ ดาร์ลิ่ง กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า “Product, Partner และ Place คือ Key Success Factors ที่เรา Focus มาตลอดระยะเวลา 12 ปี ซึ่งผลของการดำเนินงานทั้งในแง่ของยอดขาย, ความแข็งแกร่งของแบรนด์ รวมไปถึงความพึงพอใจของพนักงานนั้นอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเราสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 1 ล้านแก้วต่อเดือน นอกจากนี้ผลสำรวจยังพบว่าการรับรู้ของแบรนด์ Starbucks เพิ่มสูงขึ้นจาก 3 ปีที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด”

ในแง่พฤติกรรมของผู้บริโภคจะเห็นว่า กระแส Coffee Shop นั้นยังคงมาแรงไม่หยุด ผู้บริโภคนิยมทานกาแฟนอกบ้านมากขึ้น โดยจากผลสำรวจของ MillwardBrown พบว่า คนออกมาทานกาแฟนอกบ้าน (Away From Home) เพิ่มขึ้นถึง 60% เฉลี่ยคิดเป็นจำนวน 5 แก้วต่อสัปดาห์ และในจำนวนนั้นเป็นกาแฟ Starbucks ถึง 3 แก้ว เพิ่มจากจำนวน 2 แก้วเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า Starbucks นั้นเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ที่ผู้บริโภคนึกถึง



มร.เมอร์เรย์ กล่าวเสริมว่า “ผู้บริโภคปัจจุบันได้รับการ Educate และซึมซับวัฒนธรรมการดื่มกาแฟมากขึ้น จึงเริ่มมองหาสิ่งที่ดีกว่า ดังนั้น เราจึงต้องมีการพัฒนา Product Line Up ที่หลากหลายขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค เช่น มีการออก Seasonal Menu ปีละประมาณ 6 ครั้ง โดยเมนูพิเศษจะคิดเป็นประมาณ 15-20% ของเครื่องดื่มหลัก”

“นอกจากนี้ แม้ Focus หลักของเราจะอยู่ที่กาแฟเป็นหลัก แต่ก็ควรที่จะต้องมีการ Diversify ไปยังอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆที่ไม่ใช่กาแฟเพื่อเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายขึ้นให้กับผู้บริโภค โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของเครื่องดื่มอยู่ที่ 85% ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากกาแฟถึง 65% และที่เหลือเป็นรายได้จากอาหารและขนม”

นอกจากนี้ Starbucks ยังยึดหลัก “Shared Planet” ในการทำธุรกิจ เช่น การแบ่งรายได้ 5% ให้เกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดกาแฟ “ม่วนใจ๋” ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อน Model ของสาขาใหม่ๆให้เป็น “Green Store” หรือร้านเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสาขาใหม่ที่จะเปิดในปีหน้าจะเป็น “Green Store” ทั้งหมด และจะมีการ Renovate สาขาเก่าๆควบคู่กันไป โดยเชื่อมั่นว่า Starbucks ทุกสาขาจะกลายเป็น “Green Store” ภายในระยะเวลา 5 ปีอย่างแน่นอน


Thanks! from Brandage.


เฟดเดอร์บรอย อัดกิจกรรม - สร้างภาพลักษณ์เบียร์เยอรมัน
เฟดเดอร์บรอย ทุ่มงบ 90 ล้าน อัดกิจกรรม Experiential Marketing เต็มพิกัด พร้อมเปิดตัวแคมเปญ ไอเดียใหม่ “ต่าง โดน เท่” หวังสะท้อนภาพลักษณ์ความเป็นเบียร์เยอรมันระดับพรีเมี่ยม และ Brand DNA ในด้าน Adventurous-Charming-Playful หวังแย่งส่วนแบ่งจากตลาดเบียร์เซกเมนท์สแตนดาร์ด จากผู้บริโภคที่ขยับขึ้นมาดื่มเบียร์พรีเมี่ยม คาดภายใน 3 ปี ส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 10%

Release pen liking.

คุณชาลี จิตจรุงพร รองผู้อำนวยการสำนักการตลาด บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาตลาดเบียร์โดยรวม ตกลงประมาณ 11% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ และการขึ้นราคา โดยเฉพาะในเซกเมนท์พรีเมี่ยม ซึ่งมีสัดส่วน 4% จากตลาดรวม ตกลงไป 20 – 25% ส่งผลให้ตลาดมีความคึกคักน้อยลง ขณะที่เบียร์เฟดเดอร์บรอย แม้ว่าอัตราการเติบโตจะไม่ตกลง แต่พบว่ามีการเติบโตช้า ประกอบกับที่ผ่านมาบริษัทจำหน่ายไม่มากนัก โดยปัจจุบันเฟดเดอร์บรอย มีส่วนแบ่งตลาด 4%

สำหรับปีนี้ วางงบการตลาด 80 – 90 ล้านบาท โดยจะเน้นการทำกิจกรรม เพื่อเป็นตัวไดร์ฟแบรนด์มากกว่าการใช้ทำโฆษณา พร้อมกับเปิดตัวแคมเปญ ไอเดียใหม่ “ต่าง เท่ โดน” และสร้าง Brand DNA ให้มีความชัดเจนขึ้น เพื่อสะท้อนตัวตนของเฟดเดอร์บรอยแก่ผู้บริโภค ได้แก่ Adventurous-Chraming-Playful

โดยการสร้างแบรนด์ และภาพลักษณ์ รวมถึง Brand DNA จะมีกิจกรรมการตลาดจะเป็นการส่งเสริม และตอกย้ำภาพลักษณ์ของการเป็นเบียร์เยอรมันระดับพรีเมี่ยม

สำหรับกิจกรรมการตลาดในปีนี้ ประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ กิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์ จะทำในด้านต่าง ๆ ดังนี้ สร้างภาพลักษณ์ในร้านค้าเกรดเอ เช่น จัดเฟดเดอร์บรอย ปาร์ตี้, จัดงานช่วงวาเลนไทน์ รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์ความเป็นเบียร์เยอรมันให้มากขึ้น เช่น กิจกรรม Oktoberfest และกิจกรรมคอนเสิร์ตจากต่างประเทศ-ในประเทศ เช่น Summer Fest

กิจกรรมที่สอง คือ กิจกรรมทดลองดื่ม, ทำ Merchandising เช่น กิจกรรมภายในร้านอาหาร, ลานเบียร์ เพื่อให้ผู้บริโภคมีประสบการณ์กับแบรนด์มากขึ้น และล่าสุดได้รถมินิมาเป็นพาร์ทเนอร์ ทำให้ต่อไปจะมีการทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งการเป็นพาร์ทเนอร์กับรถมินิ เชื่อว่าสามารถสะท้อนภาพความเป็นหนุ่ม-สาว ไฟแรง ความทันสมัยได้เป็นอย่างดี
สำหรับการทำตลาดด้านที่ 3 เป็นเรื่องของนวัตกรรม โดยจะส่งเฟดเดอร์บรอย 5 ลิตรลงสู่ตลาด ขายตามผับ ร้านอาหาร


“เราต้องการสร้างความชัดเจน และสร้าง Brand Experience เพราะตลาดเบียร์/เครื่องดื่มแอลกอฮอลื คือ ตลาดของการสร้างภาพพจน์ เป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคกล้าหยิบจับ กล้าดื่มในสังคม และเฟดเดอร์บรอย ไม่ได้วัดความสำเร็จที่ตัวเลขส่วนแบ่งการตลาด หากแต่วัดกันที่ภาพพจน์ การเป็นเบียร์ที่มีความโก๋ เก๋ ทันสมัย และผู้บริโภคมองเช่นนั้นหรือไม่ และวางเป้าหมายในมุมมองแบบกว้าง ที่คนดื่มเบียร์สแตนดาร์ดสามารถขยับขึ้นมาดื่มเฟดเดอร์บรอยได้ แม้จะไม่ได้ขยับขึ้นมาดื่มอย่างถาวรก็ตาม แต่แค่นั้นเราถือว่าโอเคแล้ว”


คุณชาลี กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันเฟดเดอร์บรอยมีส่วนแบ่งตลาด 4% โดยคาดหวังว่าภายใน 3 ปี จะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10% และเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ราว 30 – 40% ส่วนปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 10 – 20%

ขณะที่ภาพรวมตลาดเบียร์ปีนี้ ปัจจัยที่ผลักดันให้ตลาดเติบโตได้ คือ มีการแข่งขันฟุตบอลโลก คาดว่าในช่วงเวลาดังกล่าวยอดขายน่าจะขึ้นมา 10% และในช่วงปลายปี น่าจะเติบโตได้ดี


핑크 내추럴 메이크업_ Natural Make up 정샘물닷컴