การเลือกหลอดไฟสำหรับใช้งานในที่พักอาศัยของคุณมีความสำคัญอย่างมากที่คุณควรใส่ใจ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังเผชิญกับปัญหาค่าไฟที่สูงลิบลิ่ว นอกจากการเลือกใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานแล้วการเลือกหลอดไฟที่ประหยัดพลังงานก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะในยามค่ำคืนแสงสว่างมีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการดำรงชีวิตของเราทุกคน ในปัจจุบัน หลอดไฟ LED เป็นที่นิยมอย่างมาก ว่าแต่ทำไมหลอด LED ถึงเป็นที่นิยม วันนี้เราไปหาคำตอบมาให้แล้ว

 

 

หลอดไฟ LED คืออะไร

 

หลอดไฟ LED คือหลอดไฟที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันนั่นก็เพราะว่ามีความทนทานสูงสามารถใช้งานได้นาน และยังเป็นหลอดไฟที่ประหยัดพลังงาน ให้แสงสว่างมากแต่ใช้ไฟฟ้าน้อยลงเมื่อเทียบกับหลอดไส้ทั่วไปได้ถึง 80-90% เลยทีเดียว เมื่อมีการใช้ไฟฟ้าที่น้อยลงก็ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการใช้งานไฟฟ้าของคุณนั้นถูกลงตามไปด้วยและด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้ หลอดไฟ LED นั้นเป็นหลอดไฟที่ถูกเลือกมาใช้งานมากที่สุดในทุกๆครัวเรือนนั่นเอง 

 

คำว่า LED นั่นย่อมากจากคำว่า Light-Emitting Diode  ซึ่งสามารถแปลตรงตัวได้เลยว่าเป็น ไดโอดที่เปล่งแสง โดยหลอดไฟชนิดนี้สามารถให้แสงสว่างออกมาได้โดยใช้การจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าไปแค่เพียงเล็กน้อยแต่สามารถเปล่งแสงสว่างออกมาได้ดีกว่าหลอดไฟเล็กๆที่ไม่ใช่หลอด LED แต่ใช้กระแสไฟฟ้าในขนาดที่เท่าๆกัน หลอดไฟ LED ส่วนใหญ่ที่เราใช้งานกันนั้นจะเป็นหลอดไฟที่เป็นแสงสีน้ำเงินแต่ที่เราเห็นว่าปล่อยแสงสีขาวออกมาแบบที่เรามองเห็นได้นั้นก็เพราะผู้ผลิตหลอดไฟได้นำไปเคลือบด้วยด้วยสารฟอสเฟอร์สีเหลือง หรือ อีกวิธีคือใช้หลักการผสมสีกันของหลอดไฟสามสีอย่าง สีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน เพื่อให้ออกมาใกล้เคียงกับแสงของดวงอาทิตย์มากที่สุดนั่นเอง 

 

หลอดไฟ LED เป็นหลอดไฟที่ผลิตจากสารกึงตัวนำมาวางติดกันซึ่งมีด้วยกัน 2 ชนิดนั่นคือ  Positive Type และ Negative Type หรือเรียกง่ายๆว่าสารที่เป็น “ขั้วบวก” และ “ขั้วลบ” โดยกระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านจากขั้วลบไปยังขั้วบวกเพื่อปล่อยแสงสว่างออกมาให้เราได้ใช้งาน ซึ่ง หลอดไฟ LED ได้ถูกนำมาใช้งานในวงการอุตสาหกรรมต่างๆอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นในการผลิตจอโทรทัศน์ จอโทรศัพท์มือถือ จอคอมพิวเตอร์ ไฟแสดงสัญญาณหรือสถานะต่างๆ ที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวันเช่น ไม่ว่าจะเป็นในรถยนต์ ไฟจราจร หรือไฟประดับตกแต่งต่างๆที่เราพบเห็นกันทั่วไป ฯลฯ โดย หลอดไฟ LED สำหรับใช้ในบ้านสามารถแบ่งได้เป็น 3 ชนิดด้วยกันดังนี้ 

  • หลอดไฟ LEDใช้ภายในอาคาร

  • หลอดไฟ LED ใช้ภายนอกอาคาร

  • หลอดไฟ LED ตกแต่ง

 

ข้อดี-ข้อเสีย หลอด LED    

ข้อดีของ หลอดไฟ LED

มีอายุการใช้งานที่สูงถึง 50,000 ไปจนถึง 100,000 ชั่วโมง เรียกได้ว่ายาวนานมากๆ เพราะหลอดไฟทั่วไปนั้นมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 1,000 ชั่วโมงเท่านั้นโดยประมาณ โดยทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของ หลอดไฟ LED ที่คุณเลือกใช้งาน รวมไปถึง อุณหภูมิ ความชื้น หรือ สภาพภูมิอากาศ อีกด้วย 

  1. ให้ความสว่างได้เท่ากับหลอดไส้และหลอดฟลูออเรสเซนต์ แต่อัตราการกินไฟต่ำกว่ามาก ทำให้คุณประหยัดไฟได้ในระยะยาว

  2. ไม่แผ่รังสีความร้อนและยังเปล่งแสงสว่างในรูปแบบที่มีทิศทางชัดเจน

  3. หลอดไฟ LED นั้น ไม่ปล่อยรังสี UV  และรังสีอินฟาเรด ทำให้ไม่เป็นอันตรายต่อผิวพรรณและดวงตาของคุณขณะใช้งาน

  4. มีความทนทานต่อการสั่นสะเทือนและสภาวะอากาศ

  5. เมื่อทำการเปิดไฟตัว หลอดไฟ LED ไม่มีการกระพริบแบบ เปิดแล้วจะสว่างทันที 

  6. ไม่แตกง่ายเพราะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีกระจกเป็นส่วนประกอบ ไม่มีชิ้นส่วนใดเคลื่อนไหว และ ไม่มีไส้หลอดซึ่งทำให้ไฟขาดได้ง่าย จึงมีความทนทานสูง 

  7. ไม่มีส่วนประกอบด้วยสารปรอททำให้ หลอดไฟ LED ทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

  8. ช่วยลดปริมาณขยะ เพราะเมียเสียสามารถซ่อมเฉพาะจุดได้จึงไม่จำเป็นต้องทิ้งทั้งชุด

ข้อเสียของ หลอดไฟ LED

  1. มีราคาต่อชิ้นที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดไฟชนิดอื่นๆที่ใช้งานกันทั่วไป
  2. หลอดไฟชนิดนี้ไม่สามารถทำไปใช้งานได้กับ Dimmer Switch หรือ สวิตซ์หรี่แสง ดังนั้นหากคุณจำเป็นต้องใช้งานสวิตซ์หรี่แสง หลอดไฟ LED  จึงอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ
  3. ช่างเทคนิคที่ติดตั้งหลอดไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพยังมีจำนวนจำกัด เนื่องจากไม่มีช่างเทคนิคที่มีความรู้เกี่ยวกับ หลอดไฟ LED  อย่างละเอียดมากเท่าไหร่นัก