จับตา Bitcoin เสถียรขึ้น! กูรูคาดการณ์ Bitcoin พ้นวัฏจักร 4 ปี อนาคตผันผวนน้อยกว่าเดิม
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Bitcoin (บิทคอยน์) ได้รับความสนใจจากนักลงทุนและผู้สนใจในคริปโทเคอร์เรนซีเป็นอย่างมาก เนื่องจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและผันผวนของราคา ทำให้มันกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง แต่ในปัจจุบันเรากำลังเห็น ข่าวคริปโทเคอร์เรนซี่ ที่พูดถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกเกี่ยวกับ Bitcoin โดยมีการคาดการณ์ว่า Bitcoin กำลังพ้นจากวัฏจักร 4 ปีที่ทำให้ราคาของมันมีการขึ้นลงอย่างมากและอาจจะเข้าสู่ช่วงที่เสถียรขึ้นในอนาคต
วัฏจักร 4 ปีของ Bitcoin
Bitcoin มีลักษณะเฉพาะในการเคลื่อนไหวของราคาที่มีรอบหรือวัฏจักรประมาณ 4 ปี ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากกระบวนการ "Halving" ที่เกิดขึ้นทุกๆ 4 ปี กระบวนการ Halving คือการลดรางวัลที่นักขุด (miners) ได้รับจากการขุดบิทคอยน์ใหม่ลงครึ่งหนึ่ง ส่งผลให้ปริมาณบิทคอยน์ที่ถูกปล่อยเข้าสู่ตลาดมีการลดลง เมื่อเกิดการ Halving ราคาของ Bitcoin มักจะมีการปรับขึ้นอย่างมาก เนื่องจากความตึงเครียดจากการลดจำนวนบิทคอยน์ใหม่ที่เข้าสู่ระบบ
อย่างไรก็ตาม วัฏจักรนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอทุกครั้ง เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่อาจส่งผลต่อราคาของ Bitcoin เช่น ความต้องการของตลาด, การปรับปรุงเทคโนโลยีบล็อกเชน, นโยบายของรัฐบาลต่างๆ หรือแม้กระทั่งการรับรองจากองค์กรหรือบริษัทใหญ่ๆ
การคาดการณ์อนาคตของ Bitcoin
ในขณะที่ Bitcoin เคยผ่านช่วงเวลาของความผันผวนสูงและการเก็งกำไรที่รุนแรง กูรูและนักวิเคราะห์หลายคนเริ่มคาดการณ์ว่าในอนาคต Bitcoin อาจจะเสถียรขึ้นมากกว่าที่เคยเป็นมา โดยอ้างอิงจากข้อมูลและพัฒนาการล่าสุดในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี่
- การยอมรับของ Bitcoin ในสถาบันการเงินหลัก
การยอมรับ Bitcoin และคริปโทเคอร์เรนซี่จากสถาบันการเงินหลักและบริษัทใหญ่ๆ อย่างเช่น Tesla, MicroStrategy และ Square ได้มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นใน Bitcoin สถาบันเหล่านี้ไม่เพียงแค่ลงทุนใน Bitcoin แต่ยังนำ Bitcoin มาใช้ในธุรกรรมหรือการเก็บสำรองมูลค่าทางการเงิน การยอมรับในระดับนี้ช่วยเสริมความเชื่อมั่นจากนักลงทุนระยะยาวและทำให้ราคาของ Bitcoin มีความเสถียรในระยะยาวมากขึ้น
- ความนิยมที่เพิ่มขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
Bitcoin กำลังได้รับการพิจารณาในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจหรือภาวะเงินเฟ้อ เมื่อเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น นักลงทุนหลายคนหันมาใช้ Bitcoin เพื่อปกป้องมูลค่าทางการเงินของตน ซึ่งทำให้ความต้องการ Bitcoin เพิ่มขึ้นในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ขึ้นกับสกุลเงินฟีต (fiat currency)
- การพัฒนาเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน
การพัฒนาในด้านเทคโนโลยีของ Bitcoin และเครือข่ายบล็อกเชนเช่น Lightning Network ที่ทำให้การทำธุรกรรมมีความเร็วและต้นทุนต่ำลง จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจของ Bitcoin สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และส่งผลให้ราคามีความเสถียรมากขึ้น การปรับปรุงระบบเหล่านี้จะช่วยให้ Bitcoin สามารถแข่งขันได้ในตลาดการเงินที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
- การลดความผันผวน
การที่ Bitcoin ก้าวพ้นจากวัฏจักร 4 ปีและมีการยอมรับในระดับสากลจากสถาบันการเงินหลักและนักลงทุนรายใหญ่ ทำให้ความผันผวนของราคาอาจจะลดลงในอนาคต แม้ว่าราคาอาจจะยังมีการปรับตัวบ้าง แต่การลดลงของความผันผวนนี้จะช่วยให้ Bitcoin เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการสินทรัพย์ที่เสถียรและปลอดภัย
ผลกระทบจากการเสถียรขึ้นของ Bitcoin
การที่ Bitcoin จะเสถียรขึ้นนั้นมีผลกระทบทั้งในด้านบวกและลบ ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนและการใช้งานในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี่:
- การเพิ่มขึ้นของการลงทุนใน Bitcoin
เมื่อ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสถียรมากขึ้น นักลงทุนที่เคยลังเลหรือมีความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนจะมีความมั่นใจมากขึ้นในการลงทุน ทำให้การลงทุนใน Bitcoin เพิ่มขึ้น และส่งผลให้ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี่มีขนาดใหญ่ขึ้นและเติบโตอย่างยั่งยืน
- การแข่งขันกับสกุลเงินฟีต
การเสถียรของ Bitcoin อาจทำให้มันมีบทบาทมากขึ้นในการแข่งขันกับสกุลเงินฟีต และอาจทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกสำหรับการชำระเงินหรือการเก็บออมในอนาคต ถึงแม้ว่า Bitcoin ยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับในทุกประเทศ แต่การเติบโตและเสถียรของมันจะช่วยเสริมสร้างการยอมรับในระดับโลกมากขึ้น
- ความท้าทายจากการกำกับดูแล
ในขณะที่ความเสถียรของ Bitcoin อาจสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและผู้ใช้ทั่วไป แต่ก็อาจทำให้เกิดความท้าทายจากรัฐบาลและองค์กรต่างๆ ที่ต้องการควบคุมการใช้งานคริปโทเคอร์เรนซี่ การกำหนดกฎเกณฑ์และการสร้างกรอบการกำกับดูแลที่เหมาะสมจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Bitcoin และคริปโทเคอร์เรนซี่ในอนาคต