จบไปแล้วสักพักสำหรับภาคของฮารุโตะ
แคปคอมก็ไม่ยอมปล่อยใหญ่สาวๆอย่างเราพัก จัดหนักจัดเต็มด้วยหนุ่มคนที่สอง!
คราวนี้เราจะมาฟินกันต่อในเรื่องราวของพ่อหนุ่มผมทอง "อาโออิ" คุงค่า
เรื่องเริ่มต้นด้วยฉากฝนตกพรำ ในระหว่างที่เรารีบกลับบ้านนั่นเอง
จู่ๆก็สังเกตเห็นชายคนหนึ่งเดินตัวเปียกอยู่ท่ามกลางสายฝน (เธอมากับฝน~ #ผิด)
เรารู้สึกถึงอะไรสักอย่างที่ผิดปกติ และทันใดนั้นเองก็มีรถขับมาที่เขา
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลบ เราเห็นท่าไม่ดีก็เลยเขาไปช่วยเขาเอาไว้
จากนั้นภาพที่เห็นก็เป็นสีขาว พร้อมกับเสียงล้อเบียดกับถนน...
เราตื่นขึ้นมาในห้องรับรองแห่งหนึ่ง(จริงๆตอนแรกนึกว่าเป็นโรงพยาบาล)
พลันนึกไปถึงชายหนุ่มที่เราพุ่งเข้าไปช่วยเอาไว้....
แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงชายแปลกหน้า หน้าตาไม่รับแขกทักขึ้นมาว่าเราฟังที่เขาพูดอยู่รึเปล่า
เราก็เลยได้สติขึ้นมาและนึกขึ้นได้ว่าชายคนนี้บอกว่า "เราอยู่กับคนที่มีความเกี่ยวข้องกับยาผิดกฏหมาย"
แล้วก็ถูกพาตัวมายังที่นี้โดยที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย ชายใส่สูทเห็นเราเอ๋อๆ
เลยก็คิดว่าเราอาจจะยังสับสนอยู่ เขาเลยถามชื่อเราอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากที่ยืนยันแล้วว่าเรายังจำชื่อได้ เขาก็กำลังจะอธิบายเรื่องราวต่อ
แต่กลับถูกเราถามชื่อก่อน เขาก็เลยบอกว่าเขาชื่อ "อิมาเบะ(今部)" และเริ่มอธิบายต่อทันที
เขาบอกว่าชายคนที่เราอยู่ด้วยกัน ณ จุดเกิดอุบัติเหตุนั้น ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับยาผิดกฏหมาย
เราก็เลยถูกต้องสงสัยด้วยนั่นเอง แม้เราจะบอกไปแล้วว่าเราไม่รู้จักชายคนนั้นก็ตาม
อิมาเบะซังก็บอกว่าเขาเข้าใจแต่แต่คนให้การว่าเขาเห็นหนุ่มสาวชายหญิงในคลับ และเราก็ไม่มีใครที่จะมายืนยันความบริสุทธิ์ให้ได้
เราก็เลยบอกงั้นให้เราไปเจอกับชายคนนั้นสิ เขาน่าจะรู้ว่าเนี่ยผิดคนแล้ว
อิมาเบะซังก็บอกว่าได๊ แต่คำพูดของชายคนนั้นจะเอามาใช้เป็นหลักฐานเนี่ย ยากหน่อยนะ (คนอะไรพูดจาไม่น่าคบเลย )
แล้วเขาก็เอารูปของชายคนหนึ่งในดู เขาคือคนที่เราเข้าไปช่วยนั้นเอง
อิมาเบะซังอะิบายต่อว่า ชายคนนี้ช็อคจากอุบัติเหตุ เลยทำให้ความทรงจำส่วนหนึ่งหายไป
ความทรงจำส่วนที่หายไปก็คือความทรงจำของผู้หญิงที่อยู่ในคลับกับเขา
ในเมื่อจำไม่ได้ ก็แสดงว่าไม่มีใครมายืนยันให้เรานั่นเอง....
และแล้วอิมาเบะซังก็บอกว่า งั้นให้เขาเป็นพยานให้ละกัน แต่มีข้อแลกเปลี่ยนว่าให้เรา "แกล้งเป็นแฟน" ของต่อหน้าชายคนนั้นที่สูญเสียความทรงจำไป
เพื่อที่จะได้สืบหาที่อยู่ของหญิงสาวคนนั้นที่หายไปจากชายที่เสีบความทรงจำนั่นเอง
ถ้าหาผู้หญิงคนนั้นเจอเมื่อไหร่ ความผิดของเราก็จะหายไปทันที
แน่นอนว่าดูจากจุดยืนของเราแล้ว เรามีทางเลือกแค่ 2 ทาง "เยส" กับ "โน" เท่านั้น
เราเลยต้องตอบรับอย่างช่วยไม่ได้ อิมาเบะซังบอกว่า คนคนนี้ชื่อ "อาโออิ"
นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่าเราจะต้องอยู่ที่เกาะนี้ แล้วก็บอกว่าหลังจากนี้จะมีผู้คุมเกาะมาพาเราไปโดยที่ไม่ฟังอะไรเราเลย...
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงเปิดประตู คนที่เขามาก็คือ ผู้คุม "อิริยะซัง" เจ้าเก่าคนเดิมนั้นเองงง
หลังจากนั้นอิมาเบะซังก็ขอตัวไปทันที (มันช่าง...... )
ในระหว่างที่อิริยะซังนำทางเราไป เราก็อธิบายรายละเอียดโดบสังเคปว่าที่นี่เป็นที่ไหน
( รายละเอียดทางนี้เลยค่า Toraware Haruto : Prologue)
หลังจากที่อิริยะซังพาเราไปที่ห้อง เขาก็ยืน SABOT มาให้เรา แน่นอนว่าเขาก็เตือนเราเหมือนเดิมว่าอย่าทำหายนะ
ถ้าหากเราอยากซื้ออะไรก็ใช้ไปได้เลย อิมาเบะซังแก(ป๋า)จ่ายให้
ก่อนจากกันเขาก็บอกว่าพรุ่งนี้ 10 โมงจะมีให้ไป "เข้าพบ(เมนไค)" ดังนั้นให้มาที่ล็อบบี้ด้วย
เข้าวันถัดมาเราไปที่ล็อบบี้ ก็มีเจออิมาเบะซังแต่เช้า...
ทักทายกันไปบางส่วน เขาก็พาเราเข้าไปพบกับอาโออิ
พอเราเข้าไปถึง อาโออิก็ทักเราเลยว่า "จ้องหน้าคนอื่น มีอะไรเหรอ"
อาโออิบอกว่า "มีคนแจ้งมาว่าคนรู้จักจะมาคุยด้วย แต่ขอโทษทีนะ เขาไม่เคยเห็นเรามาก่อนเลย" (ก็แน่ละสิคะ.....)
พอได้ยินชื่อของเรา เขาก็บอกว่าเป็นชื่อที่ไม่เคยได้ยินนะ
อาโออิถามว่าเราเป็นคนรู้จักของเขาจริงอะ? แต่เรายังไม่ทันจะตอบเขาก็ตัดบทเพราะเขาจำไม่ได้
แต่ถ้าเราเคยเจอกันมาก่อนเขาก็ขอโทษด้วยที่จำไม่ได้
เขาก็ถามเราอีกว่าแล้เรามีธุระอะไร มีเรื่องจะถามใช่ไหมล่ะ?
- ได้ยินว่าอาโออิซังเขาไปพัวพันกับเรื่องอันตราย...
- จำได้ไหมว่าก่อนเกิดอุบัติเหตุอยู่กับใคร?
พอได้ยินว่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องอันตราย อาโออิก็บอกว่าเรื่องนั้นอีกแล้วเหรอ
ไม่รู้หรอกนะว่าได้ยินมาจากไหน แต่เขาไม่เกี่ยว ถ้าสืบแล้วก็จะรู้เอง
พอถามว่าอยู่กับใคร เขาก็บอกโดนถามคำถามนี้หลายครั้งก่อนที่จะมาที่นี้แล้ว แต่เขาไม่รู้จริงๆ จำอะไรไม่ได้เลย
แล้วเขาก็หาวใส่เรา เห็นเราเบลอๆเราก็เลยเคาะเรียก
เราก็ถามว่าดูเขานิ่งจัง อาโออิเลยบอกว่าตื่นตระหนกไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
อยู่นี่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอิสระ ไม่ต้องทำอะไรก็มีอาหารมาให้
ถ้ามีอะไรที่จำเป็นก็แค่บอกแล้วก็จะได้มา... แค่ออกจากห้องตัวเองไม่ได้แค่นั้นเอง
- เป็นคนที่อยู่คนเดียวแล้วสบายใจกว่า?
- แต่ อยู่คนเดียวแล้วไม่เหงาเหรอ?
- ที่นี่เป็นสถานที่ที่อยู่ได้สบายงั้นเหรอ?
อาโออิก็บอกไม่เหงาหรอก อยู่คนเดียวสบายใจกว่า แม้ว่าจะรำคาญนิดหน่อยที่จะต้องถูกสืบสวน
แล้วจู่ๆเขาก็นั่งเท้าคางจ้องหน้าเรา แล้วก็พูดว่า "เราสองคนเคยเจอกันที่ไหน....."
ได้ยินแค่นั้นเราก็ตกใจ อาโออิเลยบอกว่า ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น ไม่ได้จะจับไปกินสักหน่อย แปลกคนจริงเชียว
ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร เคาะช่วยชีวิตก็ดังขึ้นมาได้จังหวะพอดี
อาโออิเลยบอกว่ายังอยู่ในเกาะอีกใช่ไหม งั้นก็ไว้ค่อยเจอกันคราวหน้านะ
หลังจากที่เสร็จแล้วเราก็รู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก อิมาเบะก็มาถามความประทับใจทันที
- ฉันคงโกหกไม่ได้จริงๆนั่นแหละค่ะ
- ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด...
- มันจะไปได้สวยจริงๆเหรอคะ?
แต่อิมาเบะซังก็บอกว่ายังไงรอดูท่าทีไปก่อนละกัน ยังคุยไม่ทันจะถึงไหน
อิมาเบะซังก็ต้องขอตัวก่อเพราะได้เวลาที่เรือจะออกแล้ว ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะบอกให้เราส่งเมสเสจคุยกับอ้อยด้วยนะ
เรากลับมาที่ห้องแล้วก็ลองส่งเมสเสจตามคำแนะนำของเขาดู
หลังจากที่คุยกับอ้อยเสร็จ เราก็ออกไปเดินลันล๊า ที่สวนสาธารณะ
แน่นอนค่ะ เราก็เจอกับเจ้ซินเจ้าเก่าคนเดิมนั่นเอง
หลังจากทักทายเสร็จแล้วก็จะหมดวันพอดี เช้าวันถัดมาซาบอทก็จะบังคับไปให้เราไปที่สวนเกษตร
ก็จะได้ทักทายกับคุณป้า เสร็จแล้วให้เราไปซื้อหมอนนุ่มนิ่มที่ร้านขายของ แล้วก็เอาไปส่งให้อ้อยคุงกัน
ส่งเสร็จก็อย่าลืมถามความประทับใจ แล้วจะได้ซีจีน่ารักอันแรกมาค่า
หลังจากนั้นจะมีเควสขึ้นให้เราไปเอากระถางต้นไม้ที่สวนเกษตร อย่าลืมไปเอาแล้วส่งให่อ้อยคุงนะคะ
สักพักจะมีเควสให้เราไปดูอ้อยส่องกระจก ดูเหมือนอ้อยจะลำบากใจอะไรสักอย่างเกี่ยวกับผม
ต่อจากนั้นไม่นานจะมีเควสให้เราไปที่สวนสาธารณะ เราตั้งใจที่จะปรึกษาเรื่องอ้อยกับเจ้ซิน
แน่อนว่าเจ้ยินดีเป็นที่ปรึกษามากกก เราถามเจ้ว่าจะซื้ออะไรให้อ้อยดี(แต่บอกกับซินดี้ว่าเด็กหนุ่มอายุประมาณ 20)
เพราะเราก็ไม่รู้ว่าอ้อยชอบอะไร คุยไปคุยมาซินดี้เองก็นึกไม่ออก เลยบอกให้เราลองไปดูที่ร้านขายของดูสิ อาจจะมีของดีๆสวยๆก็ได้
หลังจากนั้นก็ให้เราไปที่ร้านขายของตามคำแนะนำของซินดี้ พอไปถึงเราก็นึกขึ้นได้ว่าแชมพูที่ห้องของเราเหลือน้อยแล้ว
แต่ที่เราไปเจอก็คือทรีตเม้นท์แทน พอลองดมๆดูก็รู้สึกว่าหอมนี้ แต่น่าจะแพง
ลุงเจ้าของร้านก็เลยบอกว่าถ้าชอบก็หยิบไปได้เลยนะ เนื่องจากมีลูกค้ามาถามหาบ่อยๆ
พอจะเอาสินค้าทดลองมาดู เขาก็ส่งตัวแซมเปิ้ลมาเพียบจนที่ร้านไม่มีที่วาง
ลุงก็บอกอันนี้ใช้ดีนะ ลองเอาไปใช้ซี๊ เอาไปเท่าที่อยากได้เลย
พอเราหยิบมาขวดหนึ่ง ลุงก็เลยแถมให้อีกขวด เราก็เลยคิดว่าจะเอาอีกขวดให้อ้อยคุงไปลองใช้ดู
พอเราส่งไปอ้อยก็จะส่งเมสเสจมาขอบคุณและขอให้เรายื่นเข้าพบมาที
เมนไคครั้งที่ 2
พอเราเข้าห้องไป อ้อยก็จะทักเราว่า อ้าว มาจริงๆเหรอ
อ้อยก็จะขอบคุณเราเรื่องเมสเสจ เขาบอกว่าเขาไม่คิดว่าเราจะส่งไปจริงๆ
อ้อยถามเราว่า ไม่นึกบ้างเหรอ ว่า "ช่างเถอะ" หลังจากที่ส่งครั้งแรกแล้ว
- พอนึกเรื่องที่อยากคุยออก ก็รู้สึกอยากส่งขึ้นมา
- อาโออิซังเอง ก็ส่งตอบมาเหนือความคาดหมายเลย
- ก็มีบ้าง แต่ก็อาจจะเผลอส่งไปแล้วก็ได้
แต่อ้อยก็ชมเรานะคะ ว่าเมสเสจของเราน่าสนใจดี แล้วเขาก็ขอบคุรเรื่องทรีตเม้นท์ที่ส่งไปให้
เขากำลังกลุ้มใจเรื่องผมแห้งอยู่เลย เพราะในห้องมีแต่แชมพู
- มีแค่แชมพูเหรอ? แบบนั้นก็ไม่สะดวยเนอะ
- คิดว่าน่าจะช่วยดูแลเส้นผมได้
- (อาโออิ)ชอบ เราก็ดีใจ
เราก็ถามว่าเรื่องกลิ่นเป็นอะไรไหมเพราะมันเป็นทรีตเม้นท์สำหรับผู้หญิง
อ้อยก็บอกสบายมาก เพราะเคยใช้มาแล้ว
- ของคนอื่น....?
- (ของคนอื่น....อย่างเช่น กลิ่นที่แฟนชอบรึเปล่านะ?)
เห็นเราเงียบไปอ้อยก็เลยถามว่าสงสัยใช่ไหมว่าทำไมเขาถึงใช้ของผู้หญิง
พอถูกถามแบบนั้นเราก็ตกใจ อ้อยก็เลยบอกไม่เห็นต้องลนลานขนาดนั้น เรานี้น่าสนใจจริงๆ
อ้อยก็เลยถามว่าปกติเราทำอะไรบ้าง? เพราะเหมือนเราจะอยู่ที่เกาะนี้ตลอดเลย
ไม่กลับแผ่นดินใหญ่เหรอ? เราก็ได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ
อ้อยก็เลยพูดต่อว่า หรือว่าที่บอกว่าเป็นคนรู้จักของเขาน่ะโกหก แล้วก็แอบสืบอะไรอยู่?
อย่างเช่น เราเป็นตำรวจ หรือนักข่าวตามนิตยาสาร....แต่ก็ดูว่าเราไม่เหมือนแฮะ
แล้วจู่ๆอ้อยก็เหมือนจะนึกอะไรออกแล้วบอกว่า "หรือจะเป็นคนคนนั้น....."
พูดมาแบบนี้เราก็งงสิคะ อ้อยก็บอกไม่มีอะไร เรื่องของทางนี้
อ้อยก็บอกว่า เขาไม่เข้าใจว่าเราจะส่งเมสเสจหรือมาพูดคุยกับเขาทำไม
แถมก็ไม่ยอมเข้าเรื่องสักที นี่เขาก็รอให้เราพูดอยู่นะ หรือว่าเป็นเรื่องที่บอกเขาไม่ได้?
เราก็หนักใจ ไม่รู้จะทำยังไงดี แถมถ้าไม่บอกว่าเรเาป็นแฟน ก็กลับบ้านไม่ได้อีก
- จริงๆแล้ว ฉัน....
- (แต่ จะโกหกแบบนั้นมันก็.....)
เห็นเราเงียบไปอ้อยก็ถอนหายใจ บอกถ้าไม่อยากไม่เป็นไร ไม่ต้องฟืน ไว้พร้อมแล้วค่อยบอกเขาก็พอ
และแล้ว เสียงเคาะก็ดังขึ้น (รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยได้พูดเท่าไหร่เลย 55555)
แต่อ้อยยังอยากคุยกับเราต่อ นี่ก็เคาะกระจกบอกคุณผู้คุม ยืดเวลาให้ไม่ได้เหรอ
คุณผู้คุมก็เข้ามากระซิบบอกเขาทำเป็นมองไม่เห็นแค่ครั้งนี้นะ ครั้งหน้าไม่ยอมให้ฟรีๆนะครัช
อ้อยก็งอแง ทำมาเคาะกระจกบอกกระซิบอะไรกันอยู่อะ แล้วคุณผู้คุมก็ออกไป
อ้อยก็เลยถามว่าเขาบอกอะไรเรา หรือว่าเขาต่อว่าอะไรเรารึเปล่าถ้าใช่ต้องขอโทษด้วยนะ
เราก็บอกไม่มีอะไร ขอบคุณนะ อ้อยก็บอกว่าเขาไม่รู้เลยผู้คุมคนนั้นคิดอะไรอยู่ ถึงจะดูสมเป็นผู้ชายก็เถอะ
- งั้นเหรอ? ครั้งหน้าจะลองสังเกตดูนะ
- ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน!
- อาโออิซังก็เท่นะ
อ้อยก็บอกขอบคุณนะ พอถูกเด็ก(?)น่ารักแบบเราชม เขาก็อารมณ์ดี
หลังจากนี้พวกเราน่าจะไปกันได้ดีนะ หลังจากนั้นอ้อยก็ถามว่าตอนนี้เราพักอยู่ที่ไหน?
พอเราบอกไปเขาก็ถามว่ามองจากห้องเขาเห็นไหม?
- อย่าแอบดูนะ?
- เห็นแล้วจะทำไงต่อเหรอ?
- มองเห็นท่าเรือจากหน้าต่างด้วย อาจจะเห็นก็ได้นะ
อ้อยก็บอกไม่แอบดูหรอก เขาแค่คิดว่าจะเป็นอาคารแบบไหน แต่ขอบอกไว้ก่อน
เขาไม่ใช่คนมีงานอดิเรกชอบแอบดูหรอกนะ (จ๊ะ...)
อ้อยบอกว่าเราเองถ้าเห็นห้องเขาก็อย่าแอบมองนะ (หึหึหึ ไม่ทันละจ๊ะ)
แล้วเราก็ตกใจ อ้อยก็แบบ "เอ๊ะ? หรือว่า......."
- อ๊ะ ไม่ได้เหรอ? กะว่าเจอกันที่หน้าต่างก็ดีนะ
- ไม่ได้แอบ!
- ครั้งหน้าไปลองหาที่หน้าต่างบ้างดีไหมนะ?
อ้อยก็บอกคิดจะแอบดูจริงอะ หยุดเลยนะ เราก็ถามว่าทำไมละ
เขาบอกว่าผู้ชายก็มีหลายเรื่องที่ไม่อยากให้เห็นนะ แล้วเขาก็บอกว่าคุยกับเราแล้วสนุกจัง
คุยไปคุยมา อ้อยหาวใส่เราอีกละ
อ้อยบอกว่าบางทีพอคุยกับเราก็ลืมไปเลยว่ามีกระจกกั้นอยู่ แล้วเสียงเคาะครั้งที่สองก็ดังขึ้น
(มารมากกกกกกกกกกกกก )
หลังจากที่คุยกันเสร็จไม่นาน จู่ๆก็มีโทรศัพท์จากอิมาเบะซังโทรเข้ามา
เขาโทรมาถามไถ่ว่าเป็นยังไงบ้างได้เบาะแสบ้างรึยัง เราก็บอกว่ายังเลย ดูเหมือนเขาจะยังจำไม่ได้
อิมาเบะซังก็เลยบอกให้เราบอกอ้อยว่าเราเป็นแฟน ไม่มันมันก็ไปคืบหน้าไปไหนสักที แล้วเขาก็ตัดสายไป...
เราก็เลยเมสเสจไม่บอกอ้อยว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย
ตอนแรกอ้อยก็งงว่าคุยผ่านเมสเสจไม่ได้เหรอ? แต่สุดท้ายเขาก็บอกว่ายื่นคำขอมาได้เลย เขาว่างตลอดอยู่แล้ว
เมนไคครั้งที่ 2
หลังจากที่ทักไปก็เหมือนอ้อยเหม่อลอยคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ สักพักเขาก็พึมพัมออกมาว่านึกไม่ออก
พอเขารู้สึกเขาตัวเขาก็บอกมาว่าแล้วส่งเสียทักหน่อยก็ได้นี่นา
เราก็เลยถามว่าเขาคิดอะไรอยู่? เขาก็บอกไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก
แต่เขาลองนึกถึงเสียง หรือเรื่องที่คุยกันมา เขาก็บอกว่าสุดท้ายเขาก็นึกถึงเรื่องของเราไม่ออก
อ้อยก็ถามว่าเราจะอยู่ที่เกาะนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ พอเห็นเราไม่ตอบเขาก็เคาะกระจกอีกครั้ง
หรือว่าเราเองก็ไม่รู้ว่าต้องถึงเมื่อไหร่? แล้วเราก็ทำหน้าตกใจ
- เดาเก่งนะ?
- ใช่ ถูกต้องเลย...แสดงออกที่หน้าเลยเหรอ?
- ใช่แล้ว ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก
อ้อยก็บอกว่าเปล่า แต่เห็เค้าเราคิดไปนานพอเขาถาม ก็เลยรู้
เขาก็บอกว่าไม่รู้เหตุผลที่เรามหรอกนะ แต่ก็ขอบคุณที่มาเจอเขา
อ้อยก็เลยถามว่าหรือสาเหตุมาจากเขา? เขาก็เลยบอกว่าเราอยากกลับไปที่เดิมใช่ไหมละ?
เพราะที่นี่มันน่าเบื่อออก แถมไม่ได้มีอิสระด้วย ที่ซื้อของที่ไปเที่ยวก็ไม่มี
ตื่นตอนเช้า กินข้าว พอตกดึกก็นอน ชีวิตมีแค่นี้ เขาเองก็คิดว่าชีวิตแบบนี้สบายดี
แต่มันดูเหมือนว่ามีอะไรสักอย่างที่ขาดไป ถ้าเป็นเรา จะรู้ไหมนะ?
คุยไปคุยมา อ้อยก็บอกว่าเขาเองก็อยากรู้ว่าเรากับเขารู้จักกันในแบบไหน
แล้วอ้อยก็เงียบไปก่อนที่จะถามขึ้นว่า "พวกเราเคยคบกันเหรอ?"
พอถูกถามแบบนี้เราก็ตกใจ เขาได้ยินมาว่าเขาอยู่กับแฟนก่อนเกิดอุบัติเหตุ
นั่นคือเราใช่ไหม? เขาบอกว่าเขาได้ยินมาแบบนั้น
- (พูดความจริงน่าจะดีกว่าไหมนะ.....)
- (ถ้าจะพูดเรื่องแฟน ก็อาจจะมีแค่ตอนนี้เท่านั้น....)
พอเห็นเราเงียบไปอ้อยก็ถามว่า ทำไมถึงไม่ยอมพูดเรื่องนี้ล่ะ
ถ้าเราบอกเขาตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรก.... หรือเรามีเหตุผลที่บอกเขาไม่ได้?
ยังไม่ทันจะตอบอะไร อ้อยก็ขอโทษเราที่เขาจำเราไม่ได้
มาแบบนี้เราก็งงสิคะ? อ้อยก็บอกว่าเขากังวลว่าเขาทำอะไรเราลงไปรึเปล่า
แถมตอนที่เขาถามว่าเกี่ยวข้องอะไรกันเราก็ไม่ยอมตอบเขาอีก
แต่เราก็ยอมอยู่ที่เกาะและมาเจอเขาแบบนี้ แล้วอ้อยคุงก็ลุกขึ้นมาเกาะกระจก
แน่นอนค่ะว่ามารจะต้องมาผจญ เสียงเคาะไม่ดูจังหวะของผู้คุมก็ดังขึ้น
แต่อ้อยก็บอกว่าอย่าเพิ่งกลับนะ เขาอยากคุยต่ออีกนิด......
การโกหกเดียวมันทำให้ก่อเกิดความเสียใจอยู่ภายในใจของเรา.....
"ฉัน เรียกเธอว่ายังไงนะ?"